บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้แทนจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001:2015 รายแรกในประเทศไทย

เข้าสู่ระบบ

เช็กเบอร์อะไหล่ (Part Number) ยังไงให้ตรงรุ่น ไม่สั่งผิด

สรุปสั้น ๆ: การสั่งอะไหล่ให้ตรงรุ่นต้องมี 3 อย่างครบก่อนคือ ข้อมูลรถที่ถูกต้อง, แหล่งอ้างอิงเบอร์อะไหล่ที่เชื่อถือได้, และ การตรวจทานเล็กน้อยก่อนจ่ายเงิน (เช่น เช็กการเทียบเบอร์/ซัพพลายเออร์/มิติตัวจริง) ทำครบ โอกาสสั่งผิดแทบเป็นศูนย์

Part Number คืออะไร?

Part Number (P/N) คือรหัสเฉพาะของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ ใช้อ้างอิงในการสั่งซื้อและซ่อมบำรุง รหัสนี้ต่างจากเลขอื่น ๆ เช่น เลขล็อตผลิต, บาร์โค้ด, เลขแม่พิมพ์ หรือ เลขรุ่นสินค้า ของผู้ขาย ซึ่งไม่ใช่รหัสที่ใช้ในคู่มือชิ้นส่วนของรถ

ในทางปฏิบัติ P/N อาจมีเครื่องหมายขีดกลาง ตัวอักษร หรือรหัสย่อยท้าย ๆ บอก รุ่นย่อย/รุ่นปี/ภูมิภาค และมักมี เลขทดแทน (supersession) ที่ปรับปรุงแทนรุ่นเดิม

ก่อนหาเบอร์ รู้จักก่อนว่าคืออะไรและหาจากไหน

ให้เตรียมข้อมูลให้ครบก่อนค้นหา เพราะ “รุ่นเดียวกัน” อาจใช้คนละชิ้นส่วนได้หากเครื่องยนต์/ปีผลิตต่างกัน

  • VIN/เลขตัวถัง (สำคัญที่สุด)
  • รุ่น–ปีผลิต–โฉม/เฟซลิฟต์–ตัวถัง (Sedan/Hatchback/SUV)
  • รหัสเครื่องยนต์–ขนาด–ดูดอากาศ (NA/Turbo/Hybrid)
  • ระบบขับเคลื่อน–เกียร์ (2WD/4WD, AT/CVT/MT)
  • อุปกรณ์ย่อย (มี/ไม่มี ABS, เซนเซอร์, ขนาดจานเบรก ฯลฯ)

หา VIN ได้จาก เล่มทะเบียน, ป้ายตรง กระจกหน้ามุมคอนโซล, หรือแผ่นเพลตใน เสา/ห้องเครื่อง

H2: หา Part Number จากที่ไหน

  • ชิ้นส่วนเดิมบนรถ – หลายชิ้นมีเบอร์พิมพ์/ปั๊ม/สติกเกอร์บนตัวชิ้น (ถ่ายรูปเก็บไว้)
  • คู่มืออะไหล่/แคตตาล็อกอย่างเป็นทางการ (EPC) – ระบุ P/N ตาม VIN ได้แม่นยำ
  • ดีลเลอร์/ศูนย์บริการ – แจ้ง VIN ให้พนักงานช่วยดึงเบอร์ล่าสุด (เผื่อมีการทดแทน)
  • ผู้ขายที่เชี่ยวชาญรุ่นนั้น ๆ – ร้านที่ทำรุ่นยอดนิยมมานานมักมีฐานข้อมูลเทียบเบอร์ ที่ครบกว่า

ขั้นตอนเช็กให้ “ตรงรุ่น” ทีละสเต็ป

  1. ใส่ VIN ใน EPC/ฐานข้อมูล → เลือก โฉม/รหัสเครื่อง/เกียร์ ให้ตรง
  1. เปิด ภาพระเบิดชิ้นส่วน (exploded view) → ระบุ ตำแหน่งชิ้น ที่ต้องการ
  2. จด P/N หลัก และดู P/N ทดแทน (superseded) ถ้ามี ให้ใช้เบอร์ล่าสุด
  3. เปรียบเทียบ สเปกสำคัญ: ด้านซ้าย–ขวา (LH/RH), หน้า–หลัง (FR/RR), ขนาด/จำนวนฟัน/จำนวนพินปลั๊ก/เกลียว ฯลฯ
  4. เทียบ รูปจริง ของของเดิมกับรูปสินค้าบนเว็บ (มุมมองจุดยึด ปลั๊ก ขั้วไฟ ฯลฯ)
  5. ถ้ามี เบอร์เทียบ (cross-reference) จากผู้ผลิตอะไหล่ทดแทน ให้ตรวจ สเปกเทคนิค ว่าตรงกัน
  6. สุดท้ายอ่าน เงื่อนไขรับประกัน/คืนสินค้า เผื่อกรณีผิดพลาด

ทำความเข้าใจคำย่อที่พบบ่อยบนรายการสินค้า

  • LH/RH = ซ้าย/ขวา (มองจากตำแหน่งคนขับ)
  • FR/RR = หน้า/หลัง
  • ASSY = ชุดประกอบทั้งก้อน, SUB-ASSY = ชุดย่อย
  • UPR/LWR = บน/ล่าง, IN/EX = ไอดี/ไอเสีย (กรณีวาล์ว/แคม)
  • REV/SUPERSESSION = เบอร์ใหม่มาแทนเบอร์เก่า
  • OES/OEM = ผู้ผลิตอะไหล่รายเดียวกับโรงงาน (คุณภาพใกล้ชิ้นติดรถ)

ข้อควรระวังและเคสพลาดบ่อย

  • Mid-year change: รุ่นเดียวกันเปลี่ยนแบบย่อยกลางปี ผลิตก่อน/หลังใช้คนละชิ้น → ใช้ VIN แยกช่วง
  • เกียร์/ระบบเบรกคนละสเปก: จาน/คาลิเปอร์/ผ้าเบรกไม่เท่ากันระหว่างรุ่นย่อย
  • ปลั๊ก–จำนวนพินต่างกันเล็กน้อย: เซนเซอร์, คอยล์, สายไฟ ดูเผิน ๆ เหมือนกันแต่ใส่ไม่ได้
  • ซ้าย–ขวาสลับ: ซื้อบูช/ลูกหมาก/ไฟเลี้ยว ผิดด้านบ่อยมาก
  • เชื่อ “เบอร์เทียบ” โดยไม่ดูสเปก: ต้องมีขนาด/รูปทรง/แรงดัน/ทิศเกลียว “เท่ากันจริง”
  • ใช้รูปทะเบียนแทน VIN: บางกรณีทะเบียนย้ายคัน/สลับปี ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน

แบบฟอร์มสั้น ๆ ส่งให้ร้านตรวจสอบให้ (แนะนำ)

  • VIN/เลขตัวถัง: ………………………………………
  • รุ่น/ปี/ตัวถัง/โฉม: ………………………………………
  • รหัสเครื่อง/เกียร์/2WD-4WD: ………………………………………
  • Part Number เดิมบนชิ้นส่วน (ถ้ามี): ………………………………………
  • อาการ/ตำแหน่งติดตั้ง: ………………………………………
  • แนบรูปชิ้นส่วนเดิม 2–3 มุมมอง

ส่งข้อมูลชุดนี้ให้ร้าน จะช่วยคอนเฟิร์มเบอร์ให้อย่างแม่นยำและเร็วขึ้น

สรุป

การ “เช็กเบอร์อะไหล่” ให้ตรงรุ่นไม่ยาก หากเริ่มจาก VIN, ใช้ EPC/ดีลเลอร์/ร้านเชี่ยวชาญ ยืนยัน P/N ล่าสุด, แล้วตรวจ สเปก–ภาพจริง–ตำแหน่งติดตั้ง ก่อนสั่ง ทุกขั้นตอนใช้เวลาไม่นาน แต่ช่วยประหยัดค่าขนส่งและเวลา จากการสั่งผิดได้มาก